พระธาตุเหล็กไหลกายสิทธิ์ ปู่ฤาษีวีระตะเทพ นาคา เทวาศิลป์ สถานปฏิบัติธรรมพุทธมงคลป่าชุมชนเขาพ่อปู่ กาญจนบุรี

พระธาตุเหล็กไหลกายสิทธิ์องค์นี้ เป็นพระธาตุเหล็กไหลที่ปู่ฤาษีวีระตะเทพ นาคา เทวาศิลป์ ท่านไหลเหล็กไหล 2 ตระกูลมารวมอยู่ในองค์เดียวกัน คือพญาสมิงเหล็กไหลหรือเหล็กไหลเจ้าป่า รวมกับเหล็กไหลโกฏปีสีปีกแมงทับ เนื้อเหล็กไหลมีลักษณะเป็นมัน แวววาว แต่เปราะ ส่วนที่เป็นพญาสมิงเหล็กจะเป็นสีดำมัน ส่วนที่เป็นเหล็กไหลโกฏปี จะเป็นประกายรุ้งสีปีกแมงทับ ซึ่งเหล็กไหลโกฏปีมีอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น องค์พระธาตุจะหนักไปทางพญาสมิงเหล็กมากกว่า ส่วนรูปลักษณ์ของพระธาตุเหล็กไหลองค์นี้หากมองจากด้านหนึ่งจะคล้ายกับพระปิดตา แต่หากมองอีกด้านหนึ่งจะเห็นเป็นงวงช้างยาวลงมาคล้ายกับเศียรพระพิฆเนศ พระธาตุเหล็กไหลองค์นี้ ผมได้จากการอธิษฐานบารมี แต่ไม่ใช่ลอยมาหาอย่างของวิเศษในหนังนะ คือ ในวันที่ผมได้พระธาตุเหล็กไหลองค์นี้ มีผู้ชายอีกคนหนึ่งได้ขึ้นไปบนเขาเพื่อขอพระธาตุเหล็กไหลจากปู่ฤาษีไปบูชา ซึ่งก็ตรงกับวันเวลาที่ผมครบกำหนดลาศีลลงจากเขาพอดี ปู่ฤาษีท่านก็ทำพิธีกรรมให้ทั้งสองคน (ความจริงมีคนร่วมพิธีกรรมมากกว่านั้น แต่คนที่จะได้พระธาตุเหล็กไหล และทำพิธีรับพระธาตุเหล็กไหลมีเพียง 2 คน) ปู่ฤาษีได้กำพระธาตุเหล็กไหลมาในมือจำนวน 2 องค์ เพื่อมอบให้ผมกับชายอีกคนหนึ่ง การให้ของท่านเป็นไปด้วยความเมตตาและเสมอภาค ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง แม้ผมจะได้อยู่รักษาศีลกับท่านเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งก็ถือว่าใกล้ชิดพอสมควรและมากกว่าผู้มาใหม่ แต่ท่านก็ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษใดๆ ท่านว่าพระธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีความแตกต่างกันทั้งอิทธิฤทธิ์ จิตวิญญาณที่สถิตครอง รูปลักษณ์และความสวยงาม ใครจะได้พระธาตุองค์ใดไปบูชาขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีที่มีต่อพระธาตุองค์นั้นๆ พูดจบปู่ฤาษีก็เอาพระธาตุทั้ง 2 องค์ ใส่ลงในบาตรน้ำมนต์ขนาดใหญ่ (บาตรน้ำมนต์มีลักษณะเป็นบาตรมีหูหิ้ว มีขาตั้งคล้ายพาน และมีขนาดใหญ่มาก ภายในบาตรน้ำมนต์ ปู่ฤาษีได้เอาพระธาตุเหล็กไหลตระกูลโคตรเหล็กไหลหรือเหล็กไหลทรหดหรือเหล็กไหลงอกใส่ไว้ ซึ่งท่านใช้สำหรับทำน้ำมนต์ประกอบพิธีกรรม บาตรน้ำมนต์นี้ ถ้าใส่น้ำเต็มจะหนักมาก ต้องช่วยกันยกหูบาตรคนละข้าง ซึ่งท่านที่เคยไปก็คงจะรู้ว่ามีลักษณะอย่างไร ส่วนท่านที่ไม่เคยไป หากมีโอกาสไปเมื่อใด รับรองว่าได้เห็นแน่นอน) เมื่อปู่ฤาษีเอาพระธาตุใส่ลงในบาตรน้ำมนต์ทั้ง 2 องค์แล้ว ท่านก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานบารมีเอาว่าใครจะได้พระธาตุองค์ใดไปบูชา เมื่ออธิษฐานเสร็จท่านก็ให้เอามือลงไปงมหาพระธาตุในบาตรน้ำมนต์คนละองค์ ผมต้องใช้คำว่างม เพราะมองจากด้านบนไม่เห็นว่าพระธาตุอยู่ตรงไหน องค์ใดมีอิทธิฤทธิ์มากกว่าหรือมีตระกูลสูงกว่า ไม่อาจรู้ได้เลย เพราะปู่ฤาษีท่านไม่ได้ให้ดูพระธาตุก่อน ท่านกำไว้ในมือตลอด หากให้ดูก่อนผมก็พอจะดูออกว่าองค์ใดเป็นอย่างไร เพราะได้ศึกษาและเห็นพระธาตุจากท่านมาพอสมควร สุดท้ายผมแทบไม่ต้องเลือกองค์พระธาตุเลย เพราะเป็นฝ่ายเลือกงมทีหลัง พระธาตุองค์ที่เหลือจึงเป็นของผมโดยปริยาย ชายคนที่ได้พระธาตุไปบูชานั้น เขาได้พระธาตุเหล็กไหลตระกูลเหล็กไหลเจ้าป่า เป็นพญาสมิงเหล็กไหลทรงกลม สีเทาควันบุหรี่อมดำ และมีลักษณะด้านทั้งองค์ (คล้ายกลับพญาสมิงเหล็กไหลองค์ก่อนที่ผมลงให้ชม แต่องค์ที่เขาได้ไปเป็นทรงกลม) เหล็กไหลที่ปู่ฤาษีท่านนำมาให้อธิษฐานบารมีนี้เป็นเหล็กไหลน้ำหนึ่งทั้ง 2 องค์ และไม่ว่าจะเป็นเหล็กไหลองค์ใดหรือตระกูลใด หากได้รับจากมือปู่ฤาษีแล้วเป็นอันใช้ได้ อิทธิฤทธิ์ของพระธาตุเหล็กไหลคุ้มครองได้แน่นอนครับ

ลูกชายนายทหารกับพญาสมิงเหล็กไหลธรรมชาติ (เหล็กไหลน้ำรอง)

เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องที่ผมได้อยู่ในเหตุการณ์และเห็นกับตาตนเองในระหว่างที่ผมได้อยู่รักษาศีล ปฏิบัติธรรม กับปู่ฤาษีบนเขา วันหนึ่งประมาณเกือบ 10 โมงเช้า ได้มีนายทหาร (ไม่ทราบชั้นยศ) พาเด็กหนุ่มซึ่งเป็นบุตรชายมากราบขอพรปู่ฤาษีที่สถานปฏิบัติธรรม ย่าฤาษีณีท่านได้ออกมานั่งรับแขกและสนทนาด้วย นายทหารท่านนี้ดูท่านฝักใฝ่ในทางธรรมเป็นอย่างมาก พูดคุยสนทนาธรรมถูกคอกับย่าฤาษีณีเป็นอย่างดี ซึ่งแม้จะคุยกันถูกคอมีรสมีชาติ แต่เท่าที่ผมสังเกตดูเป้าหมายของท่านนายทหารกับบุตรชายไม่ใช่การมาสนทนาธรรม แต่ท่านประสงค์ที่จะมาพบปู่ฤาษีเพื่อการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่ และบนวิหารใหญ่จากคนที่มาหาปู่ฤาษีเพียง 2 คน กลายเป็น 5 คน เป็น 10 คน และกลายเป็นกลุ่มใหญ่เกือบ 30 คน เพราะวันนั้นเป็นวันเสาร์จึงมีญาติโยมทยอยกันขึ้นเขาเพื่อมากราบขอพรจากปู่ฤาษีเป็นจำนวนมาก แต่ปู่ฤาษีท่านก็ยังไม่ยอมขึ้นวิหารเสียที ท่านนั่งไหลพระธาตุอยู่ในถ้ำหน้าตาเฉย ใครจะตะโกนเรียก ใครจะตีระฆังเรียกอย่างไร ท่านก็ยังคงง่วนอยู่กับการไหลพระธาตุ คนมาก่อนรอกันเป็นชั่วโมง หลายคนเริ่มกระสับกระส่าย บางคนพูดปรับทุกข์กันว่าปู่ฤาษีจะขึ้นมาโปรดไหม อุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล แต่สำหรับผมรู้และเข้าใจดีว่า ปู่ฤาษีท่านขึ้นมาโปรดแน่นอน เพราะได้อยู่กับท่านมานาน ได้รู้ได้เห็นสิ่งที่ท่านทำว่าเป็นไปด้วยเหตุผลทั้งหมด ท่านไม่ได้เจตนาจะแกล้งใครให้รอนาน หรือเล่นตัวว่ามีดี ครั้นผมจะบอกเหตุผลแก่ผู้มาว่าเพราะอะไร ก็คิดว่า ลองดูความอดทนและความศรัทธาของผู้มาพบก่อนจะดีกว่า และเราไม่มีหน้าที่เช่นนั้น จึงได้แต่บอกกับทุกคนว่า ใจเย็นๆ อยากได้ของดีต้องใจเย็นๆ ในที่สุด ย่าฤาษีณีก็ใช้ให้ผมลงไปดูปู่ฤาษีในถ้ำไหลพระธาตุ ผมจะเข้าไปเฉยๆก็เสียวว่าจะโดนดุ เลยยกกาแฟกับน้ำชาติดมือไปถวายด้วย ผมเห็นปู่ฤาษีนั่งไหลพระธาตุองค์ใหญ่อยู่และใกล้จะเสร็จแล้ว ผมก็ไม่พูดอะไร วางถ้วยชากาแฟไว้ใกล้ท่าน แล้วก็ถอยออกมานั่งอีกมุมหนึ่ง ปู่ฤาษีท่านมองมาเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เฉยและไหลพระธาตุต่อไปจนเสร็จ พอท่านวางมือจากการไหลพระธาตุ ท่านก็หยิบบุหรี่มาจุดสูบ ผมก็เรียนท่านว่า มีโยมมารอบนวิหารเยอะมาก รอกันเป็นชั่วโมงแล้ว ท่านก็ไม่ว่ากระไร กลับเทศน์เรื่องพระธาตุเหล็กไหลให้ผมฟังอีกว่า เหล็กไหลตระกูลนี้ เรียกว่าอะไร มีคุณวิเศษอย่างไร ผมนั่งคุยกับปู่ฤาษีในถ้ำไหลพระธาตุได้สักพัก ย่าฤาษีณีก็ตะโกนเรียกปู่ฤาษีอีกว่าโยมมารอนานแล้ว ขึ้นมาเสียที ปู่ฤาษีจึงลุกขึ้นเดินขึ้นวิหารใหญ่ ระหว่างทาง ท่านก็พูดว่า “คนนี่มันช่างสงสัย สงสัยไปเรื่อย อยากลองของ บางคนมันจะเอาปืนมาลองพระธาตุเหล็กไหลปู่ ปู่ไม่ให้มันลอง ถ้ามันอยากลองให้มันลองของมันเอง ของปู่ต้องมีดอีโต้ ปู่จะลองให้ ปู่รับรองว่ามีดปู่ไม่มีด้าน” วันนั้นปู่ฤาษีขึ้นวิหารใหญ่รับญาติโยมเที่ยงกว่า เมื่อทุกคนเห็นปู่ฤาษีขึ้นมาก็ดีใจ กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ท่านก็ถามถึงความประสงค์ของแต่ละคนแต่ละคณะว่ามาทำไม ผมจำได้แต่กลุ่มพระเอกของเรื่อง ซึ่งท่านดูมีสง่าราศีกว่าผู้อื่น ท่านได้แจ้งแก่ปู่ฤาษีว่า ตนเองรับราชการทหาร ได้นำบุตรชายมากราบขอพรปู่ฤาษี ขณะนี้บุตรชายสอบติดทหารเหมือนกัน กำลังรอเรียกชื่ออยู่ (แต่ผมจำไม่ได้ว่าโรงเรียนเตรียมทหารหรือเข้ารับราชการทหาร ลูกชายแกสอบติดสำรอง) ปู่ฤาษีท่านก็ชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วก็วกเข้าเรื่องสำคัญ ปู่ฤาษีเอามีดอีโต้เล่มยาวส่งให้ลูกชายนายทหารให้เอาไปลับข้างสระน้ำ และตัดเอาไม้ไผ่มา 1 ลำ ผมได้พาเด็กหนุ่มไปตัดไม้ไผ่ข้างวิหารแล้วพามาให้นั่งลับมีดที่สระน้ำ บอกกับเด็กหนุ่มเพียงว่า วันนี้จะได้ของดี อยากได้ความคมแค่ไหนลับเอาตามใจชอบเลย เด็กหนุ่มนั่งลับมีดพักใหญ่ก็เดินถือมีดกับไม้ไผ่ป่าลำขนาดประมาณนิ้วโป้งขึ้นมา 1 ลำ คมมีดขาววาววับ ปู่ฤาษีท่านรับมีดกับไม้ไผ่มาแล้วก็เอาไม้จริงสำหรับรองฟันมารอง ปู่ฤาษีได้ทำพิธีตัดกรรมให้กับเด็กหนุ่ม โดยเสกพระเวทย์พระมนต์และฟันไม้ไผ่เป็นท่อนๆ ความคมของมีดขนาดฟันไม้ไผ่ทีเดียวขาดท่อนเลย ปู่ฤาษีจะดูทุกท่อนที่ขาดกระเด็นออกไป ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าท่านดูอะไร ท่านเคยบอกแต่ว่าพิธีนี้สำคัญ ต้องดูว่าจะทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ต้องหยุด อย่าฝืน เสร็จพิธีตัดกรรม หลายคนก็คิดว่าเสร็จพิธีแล้ว นั่งเดากันตั้งนานว่าปู่ฤาษีให้ลับมีดมาทำอะไร ที่แท้ก็เอามาฟันไม้ไผ่นี่เอง แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด ปู่ฤาษีได้หยิบพญาสมิงเหล็กธรรมชาติที่วางอยู่ในพานมา 1 องค์ นำไปแช่ในบาตรน้ำมนต์ที่มีโคตรเหล็กไหลแช่อยู่ สวดคาถาบูชาพระธาตุเหล็กไหล (วันทามิ เจติยัง ฯ) ท่านเคลียร์พื้นที่ให้โล่ง แล้วให้เด็กหนุ่มถอดเสื้อ และหยิบเอาพญาสมิงเหล็กไหลที่แช่ในบาตรน้ำมนต์มากำไว้ในมือ ท่านให้ยกมือขึ้นเหนือหัวทั้ง 2 ข้าง ตอนนี้ทุกคนเริ่มรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น เด็กหนุ่มชายชาติทหารก็ใจถึง ท่านนายทหารผู้เป็นพ่อก็ใจนักเลง เชื่อมั่นในอิทธิฤทธิ์ของพระธาตุเหล็กไหล และความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในพระเวทย์พระมนต์ของปู่ฤาษี ตายเป็นตาย ปู่ฤาษีท่านก็ว่า ลูกศิษย์ปู่มันต้องจะจะ ว่าแล้ว ท่านก็ตรวจดูว่าพญาสมิงเหล็กไหลยังอยู่ในมือเด็กหนุ่ม ท่านสั่งให้กำไว้แน่นๆ ตั้งจิตให้เป็นสมาธิแล้วว่าตาม

“อิมัง สัจจะ วาจัง อธิฐามิ” เด็กหนุ่มก็ว่าตาม พอจบคำว่า มิ ปู่ฤาษีก็เหวี่ยงอีโต้ด้วยสองมือเข้าที่พุงเด็กหนุ่ม หลายคนลุ้น หลายคนเบือนหน้าหนี (ประมาณว่ากลัวเครื่องในจะกระเด็นมาโดน) ปรากฏว่า ไม่เข้าครับ ปาฏิหาริย์สะกดทุกสายตาตะลึงกันไปหมด ส่วนเด็กหนุ่มกับผู้เป็นพ่อกำลังใจมาโข
“อิมัง สัจจะ จิตตัง ตั้งจิต อธิฐามิ” ปู่ฤาษีเหวี่ยงมีดอีโต้เป็นครั้งที่ 2 ก็ไม่เข้าเช่นเดิม
“อิมัง สัจจะ กายะกัมมัง กายะคงคะธานัง กายะคงคะพันธัง อธิฐามิ” ปู่ฤาษีฟันเป็นครั้งที่ 3 คมมีดก็ไม่เข้าอีกเหมือนเดิม เมื่อลองเสร็จปู่ฤาษีก็เอาน้ำมนต์ในบาตรมาลูบที่ท้องเด็กหนุ่ม รอยที่ถูกฟันเห็นเป็นแค่รอยแดงเป็นแนว 3 แนว คล้ายโดนก้านมะยมตี แต่ไม่มีเลือดซึมแม้แต่น้อย เสร็จพิธีทั้งพ่อนายทหารและลูกชาย ศรัทธาปู่ฤาษีเป็นอย่างมาก ก้มลงกราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์ปู่ฤาษีทันที วันนั้น ถ้าผมจำไม่ผิด มีเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวที่ปู่ฤาษีมอบเหล็กไหลให้ ส่วนคนอื่นปู่ฤาษีได้แจกวัตถุมงคลจำพวกรูปหล่อปู่ฤาษีกับรูปถ่ายให้ หากท่านนายทหารและบุตรชายอ่านพบข้อเขียนนี้ ผมต้องขออภัยท่านด้วยที่ได้นำเรื่องราวของท่านมาเล่าโดยมิได้ขออนุญาตก่อน เพราะไม่รู้ว่าจะติดต่อขออนุญาตอย่างไร และที่ได้นำมาเล่าสู่กันฟังนี้ก็มิได้มีเจตนาที่จะแสวงหาประโยชน์ใดๆเป็นการส่วนตัว เพียงแต่ต้องการที่จะเผยแพร่เรื่องราวของปู่ฤาษี และพระธาตุเหล็กไหลกายสิทธิ์ เท่านั้น

พญาสมิงเหล็กไหลที่ปู่ฤาษีท่านมอบให้เด็กหนุ่มในวันนั้น เป็นเหล็กไหลตระกูลเหล็กไหลเจ้าป่า แต่เป็นเหล็กไหลน้ำรอง คือ เป็นเหล็กไหลธรรมชาติเดิมๆ ที่ปู่ฤาษีท่านได้มาจากป่าเขา มีลักษณะคล้ายก้อนหินที่มีอายุเก่าแก่ สีจะออกลูกรังบ้าง อมดำบ้าง คล้ายมีสนิมเหล็กเกาะอยู่บ้าง ตะปุ่มตะป่ำ รูปทรงแตกต่างกันไปในแต่ละองค์ บางองค์แม่เหล็กดูดติด บางองค์ก็ดูดไม่ติด ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า เหล็กไหลองค์นั้นเป็นเหล็กไหลตัวผู้หรือตัวเมีย ปู่ฤาษีท่านเรียกเหล็กไหลชนิดนี้ว่า “สมิงป่า” ซึ่งสมิงป่านี้จะมีเนื้อเหล็กไหลแทรกอยู่ในหินอายุนานนับโกฏปี และหากนำสมิงป่ามาไหลเอาเฉพาะเหล็กไหลออกมาจากหินที่เหล็กไหลแทรกตัวอยู่ ก็จะเป็นเหล็กไหลบริสุทธิ์ หรือเหล็กไหลน้ำหนึ่ง นั่นเอง ผมเคยเห็นปู่ฤาษีท่านเอาสมิงป่ามาไหลเป็นเหล็กไหลน้ำหนึ่งอยู่เหมือนกัน แต่มีน้อยองค์ ส่วนใหญ่ท่านจะแจกเป็นสมิงป่าธรรมชาติเดิมๆอย่างนั้น เคล็ดลับอีกอย่างหนึ่งที่ปู่ฤาษีท่านบอกคือ สมิงป่านี้ถ้าเอาแปรงทองเหลืองมาขัดแล้วจะขึ้นเป็นสีทอง เหมือนอย่างกับทองคำเลย ท่านใดที่ได้รับสมิงป่าจากปู่ฤาษีไปก็ลองทำดูนะครับ ผมยังเสียดายที่ไม่มีกับเขา แล้วก็ไม่ได้เอ่ยปากขอจากปู่ฤาษีด้วย ตอนนั้นปู่ฤาษีท่านมีเป็นพานเลย ไม่ทราบว่าตอนนี้ท่านแจกหมดหรือยัง
สำนักปฏิบัติธรรมพุทธมงคลป่าชุมชนเขาพ่อปู่ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองปรือ ต.หนองประดู่ อ.เลาขวัญ เมืองกาญจนบุรี ท่านใดอยากได้พระธาตุเหล็กไหลหรือวัตถุมงคลของปู่ฤาษีวีระตะเทพ นาคา เทวาศิลป์ ลองไปดูครับ และถ้าอยากรู้อยากเห็นอะไรอย่างละเอียดลึกซึ้ง ก็ลองขออนุญาตท่านอยู่รักษาศีลสักระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเป็นการดีครับ และท่านสามารถร่วมบุญได้ โดยการนำเสบียงบุญไปถวายแก่ผู้ทรงศีล เช่น น้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารสด อาหารแห้ง น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเติมเครื่องปั่นไฟฟ้า ขอให้ทุกท่านโชคดี ได้พระธาตุเหล็กไหลมาบูชา ครับ